วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557

เบเกอร์รี่

เบเกอรี่ (Bakery) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากแป้งสาลีแปรรูปและทำให้สุกโดยการอบ โดยแบ่งเป็น 4 ประเภทใหญ่
1. ขนมปัง (Bread) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการใช้ยีสต์ ซึ่งจะมีส่วนผสมหลัก ได้แก่ แป้งสาลี ยีสต์ เกลือ น้ำและส่วนผสมอื่นๆ เช่น นม ไข่ น้ำตาล ผลไม้ ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้จะทำให้เกิดขนมปังประเภทต่างๆ มากมาย เช่น ขนมปังผลไม้ ขนมปังหวาน เดนนิสชนิดต่างๆ
2. คุ้กกี้ (Cookies) วัตถุดิบในการทำคุ้กกี้ จะคล้ายกับเค้กมาก คือ มีแป้ง เนย นม ไข่ น้ำตาล สิ่งที่ช่วยให้ขึ้นฟูและส่วนผสมอื่นๆ
3. เค้ก (Cake) วัตถุดิบที่ใช้ในการทำเค้ก ได้แก่ แป้งสาลี น้ำตาล เกลือ ผงฟู นม ไข่ ไขมัน และกลิ่นรส
4. เพสตรี้ (Pastry) วัตถุดิบที่ใช้ในการทำเพสตรี้เป็นส่วนผสมหลัก ได้แก่ แป้งสาลี ไขมัน น้ำ เกลือ ไข่ มี 2 ชนิด คือ พายร่วนและพายชั้น
ธุรกิจร้านเบเกอรี่ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจในฝันของใครหลายคน ทว่า การเปิดร้านไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอาศัยทั้งฝีมือ อุปกรณ์และระบบจัดการที่พร้อมสมบูรณ์ ร้านเบเกอรี่ครบวงจรที่เปิดได้ง่ายๆ มีจุดขายจากเมนูต่างๆกว่า 80 รายการ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ชื่นชอบการรับประทานเบเกอรี่



กลยุทธ์ตลาด 
สิ่งแรกที่ต้องคำนึงคือ ทำอย่างไรให้ขนมภายในร้าน มีคุณค่าน่าสนใจน่าซื้อ คุ้มกับค่าเงินที่ผู้ซื้อต้องเสียไป พูดง่ายๆ ว่าทำอย่างไรถึงจะให้ขนมขายดี
1. บอกลูกค้าล่วงหน้าถึงตัวขนมที่คุณจะวางขาย ถ้าวางแผนจะทำขนมชนิดพิเศษกว่าที่มีขายตามปกติ เช่น อาจเป็นขนมสำหรับเทศกาลต่างๆ ก็ควรจะบอกลูกค้า ให้ทราบล่วงหน้าถึงขนมนั้นๆ เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาอุดหนุนร้านอีกด้วย สามารถทำให้กำหนดได้ว่าขนมชนิดใด ที่ลูกค้าสนใจมากที่สุด
2. บอกให้ลูกค้ารู้จักชื่อขนม วิธีง่ายๆและดีที่สุดคือ เขียนชื่อขนมบอกไว้ให้สะดุดตา เป็นการกระตุ้นความสนใจ นอกจากนี้ยังมีวิธีการที่ควรทำคือ ถุงที่ใช้ใส่ขนม นอกจากจะต้องมีชื่อร้านและสัญลักษณ์ของร้านแล้วควรจะมีชื่อขนมที่ขายอยู่ด้วย
3. การจัดขนมในร้าน การโชว์ขนมก็คือ การให้ขนมในร้านมีคนเห็นและสะดุดตามากที่สุด ลักษณะพิเศษบางประการของขนม จะช่วยให้ลูกค้าจดจำชนิดและชื่อของขนมได้ เช่น ขนมปังฝรั่งเศส และควรให้คำอธิบายสั้นๆ สำหรับขนมที่มีลักษณะที่แตกต่างไป จากปกติจะทำให้ลูกค้าสนใจมากขึ้น ในการโชว์ขนมควรเน้นเรื่องสีของขนม เช่น ไม่ควรวางขนมที่มี สีเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันไว้ด้วยกัน เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้ซื้อ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุดในการจัดโชว์หน้าร้าน
4. มีตัวอย่างให้ลองชิมสำหรับผู้ซื้อ เมื่อมีการแนะนำสินค้าใหม่ วิธีที่ดีที่สุด คือ การนำเอาขนมตัวใหม่มาเป็นตัวอย่างให้ลูกค้าทดลองรับประทาน วิธีนี้ใช้ได้ผลมากเพราะลูกค้าจะกระตือรือร้นมากในการทดลองสิ่งใหม่ๆ
5. การบรรจุหีบห่อ ปัจจุบันการบรรจุหีบห่อมีความสำคัญมากต่อราคาขนมอบ เพราะค่านิยมในการซื้อแปรเปลี่ยนไป การออกแบบ สีสันให้เหมาะสมกับขนมอบมีมากขึ้น การบรรจุหีบห่อขนมก่อนที่จะนำออกขายนิยมกันมาก เนื่องจาก
• ทำให้ขนมเก็บไว้ได้นานและทำให้สดอยู่เสมอ ตลอดเวลาการวางขาย
• ถูกสุขลักษณะ
• สะดวกต่อการจับต้องและการเก็บ
• ผู้ซื้อสามารถแลเห็นลักษณะของขนมได้อย่างชัดเจน
• ใช้เนื้อที่ในการเก็บน้อย สะดวกในการขนส่งและการวางโชว์เวลาขาย
• ทำให้อยากซื้อมากขึ้น
6. ให้คำแนะนำ ปรึกษาและอธิบายด้วยความเต็มใจ อย่าปล่อยให้ลูกค้าสับสนกับชนิด ลักษณะและรสชาติของขนมที่แตกต่างกันแต่ควรให้ความกระจ่างกับลูกค้า และต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นว่า เรามีความเต็มใจ และยินดีที่จะให้บริการลูกค้าอยู่เสมอ
7. จัดรายการพิเศษเพื่อขอบคุณลูกค้า การพยายามจัดหาสิ่งใหม่ๆให้กับลูกค้า จะเป็นอีกวิธีที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ ในต่างประเทศเจ้าของร้านบางรายส่งเสริมการขายโดยการจัดรายการพิเศษ เพื่อขายขนมปังแฟนซี สำหรับเด็กๆ วิธีนี้จะทำให้คุณทราบถึงความพอใจของลูกค้าอีกด้วย
8. รับฟังคำแนะนำจากลูกค้า อย่าลังเลใจ ในการถามหรือขอความคิดเห็นจากลูกค้า เพราะคือโอกาสที่จะทำให้คุณรู้จักลูกค้ามากขึ้น และลูกค้าจะรู้สึกเชื่อถือในร้านของคุณ ผลที่ตามมาก็คือลูกค้าจะกลับมาอุดหนุนที่ร้านอีกและยังจะบอกต่อๆกันไปถึงคุณภาพและความพิถีพิถันของขนมในร้านของคุณ


กาแฟชงโบราณ

สำหรับท่านที่กำลังสนใจในธุรกิจการเปิดร้านนมสดหรือร้านกาแฟโบราณแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ไม่ควรพลาด !! รับอาสาเป็นไกด์ไลน์แนะแนวทาง ผ่านคอร์สอบรมหลักสูตรสอนชงกาแฟโบราณ ขนมปัง สังขยา และการทำเมนูเครื่องดื่มนมสดอื่นๆ 

1. หลักสูตรเรียนชงกาแฟโบราณ THAI COFFEE 

>> แนะนำเกี่ยวกับวิธีการจัดเตรียมวัตถุดิบต่างๆที่ใช้ในการชงกาแฟโบราณ 

>> ทำความรู้จักกับอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้สำหรับการเปิดร้านขายกาแฟโบราณ อาทิ หม้อต้มกาแฟ กระบวยตักน้ำ ถุงกรองกาแฟ แก้วชง ช้อนชง ขนาดของแก้วกาแฟที่ใช้ และเหยือกตวง ฯลฯ 

>> เรียนรู้วิธีการผสมชาโบราณและกาแฟโบราณต่างชนิด เพื่อให้ได้สีและกลิ่นตามต้องการ 

>> สอนวิธีการทำน้ำเชื่อม 

>> การชงเมนูกาแฟโบราณและเครื่องดื่มร้อน เย็น ปั่นสูตรต่างๆอาทิ 

กาแฟ ร้อน/เย็น โอเลี้ยง ยกล้อ ชาดำเย็น ชาร้อน/เย็น ชาเขียวร้อน/เย็น เนสกาแฟร้อน/เย็น เนสทีร้อน/เย็น เนสทีดำเย็น นมสดร้อน/เย็น น้ำบ๊วย น้ำเขียว น้ำแดง นมแดง นมเขียว โอวันตินร้อน/เย็น โกโก้ร้อน/เย็น ไวท์มอลต์ร้อน/เย็น น้ำมะนาว น้ำผึ้งมะนาว และสูตรวิธีการชงกาแฟโบราณแบบประยุกต์ 

2. หลักสูตรเรียนชงเมนูเครื่องดื่มโดยใช้นมโคสดแท้ 100 % แทนน้ำร้อน MILKY COURSE 

>> การจัดเตรียมวัตถุดิบต่างๆที่ใช้ในการชงเมนูเครื่อดื่มนมสด 

>> ทำความรู้จักกับอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้และบอกแหล่งที่ซื้อ 

>> สอนวิธีการทำน้ำเชื่อม 

>> สอนวิธีการตุ๋นนมโคสดแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ 

>> สอนวิธีการทำวิปปิ้งครีมและวิธีการสตรีมฟองนมสำหรับใช้ในการแต่งหน้ากาแฟ 

>> การชงเมนูกาแฟและเครื่องดื่มนมสด ร้อน เย็น ปั่น สูตรต่างๆ อาทิ 

นม สดร้อน/เย็น เนสกาแฟนมสดร้อน/เย็น ชาร้อน/เย็นนมสด ชาเขียวนมสดเย็น ชาเนสทีนมสดเย็น มอคค่ามิลค์เย็น โอวันติน ไมโลนมสดเย็น โกโก้นมสดเย็น ช็อกโกแล็ตนมสดเย็น ไวท์มอลต์นมสดเย็น แคนตาลูปนมสดเย็น นมสดเผือกเย็น ลาเต้เย็นนมสด คาปูชิโน่นมสด นมชมพูเย็น นมสดน้ำผึ้งเย็น นมมรกตเย็น และการเพิ่มเมนูเครื่องดื่มนมสดด้วยวิธีการใช้ไซรัปในการแต่งกลิ่นและรสชาติ เครื่องดื่มนมสดให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น 


3. การทำขนมปังแบบต่างๆ 

>> ทำความรู้จักกับอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการทำขนมปังแต่ละชนิด 

>> รุ้ถึงประเภทของขนมปังแต่ละชนิดที่จะนำมาใช้ในการทำขนมปังปิ้ง ขนมปังกระเทียม และขนมปังไอน้ำ 

>> สอนวิธีทำขนมปัง ไอน้ำ ขนมปังทาเนย ขนมปังกระเทียม และ ขนมปังปิ้งหน้าต่างมากมายอาทิ 

- ขนมปังเนย - สังขยา/ขนมปังเนย - นมข้นหวาน/ขนมปังเนย - น้ำตาล/ขนมปังเนย - แยมสตอร์เบอร์รี่ ขนมปังเนย - แยมส้ม/ขนมปังเนย - แยมบูลเบอร์รี่/ขนมปังเนย - แยมสัปปะรด/ขนมปังเนย - พริกเผา ขนมปังเนย - มายองเนสหมูหยอง/ขนมปังเนย - มายองเนสไส้กรอก/แฮม /ขนมปังเนย - มายองเนสปูอัด ขนมปังเนย -ซุปข้าวโพด/ขนมปังเนย - นมน้ำตาล ฯลฯ 



การจัดสวน

การจัดสวน หมายถึง การจัดสภาพ หรือตกแต่งสถานที่ ให้เหมาะสมสวยงาม ทำให้สภาพแวดล้อม บรรยากาศน่าอยู่ และเอื้อประโยชน์ต่อกิจกรรมต่าง ๆ
ความสำคัญและประโยชน์ในการจัดสวน

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ การออกแบบจัดสวน

คือการจะทำให้สวนมีความสวยงาม จะต้องมีความรู้พื้นฐาน ค่อนข้างจะสูงมาก ในเรื่องของการออกแบบ นอกจากนี้ สวนสวย ไม่ใช่ว่า สวนจะอยู่ได้นาน จะต้องดูว่าสวนสวย จะต้องมีการดูแลรักษาที่ดี เพื่อให้เขามีชีวิต ที่อยู่ได้ยาวนาน ด้วย หลักการออกแบบ จึงมีความ จำเป็น ต่อการจัดสวนมาก เพราะถือว่าการออกแบบ การเขียนแบบ เป็นจุดเริ่มต้น ของงาน การออกแบบ ที่ดีต้องอาศัยความรู้อยู่ 2 อย่างด้วยกัน


  • องค์ประกอบของศิลป์
  • หลักศิลปในการออกแบบ(Principle of design)


  • แบบของการจัดสวน

    แบบของการจัดสวนแบ่งออกเป็น 4 แบบคือ การจัดสวนแบบประดิษฐ์ การจัดสวนแบบธรรมชาติ
    สวนประดิษฐ์ [Formal styles]
    พื้นที่ใน การจัดสวนแบบประดิษฐ์ จะเป็นพื้นที่ราบเรียบได้ระดับ ไม่นิยมพื้นที่ ที่มีระดับสูง ๆ ต่ำ ๆ การจัดวางต้นไม้หรือวัตถุ จะต้องทำให้เกิด ความสมดุลแบบประดิษฐ์ หรือ Formal balance นั้นเอง โดยที่ต้นไม้หรือวัตถุจะต้อง ชนิด เดียวกัน รูปทรง เหมือนกัน ขนาด เท่ากัน จำนวน เท่ากัน ระยะห่าง เท่ากัน จำนวนต้นไม้หรือวัตถุจะจัดแบบคู่ขนาน คือ จำนวน 1 : 1 หรือ 2 : 2 ฯลฯ ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด การปลูกไม้ประดับยืนต้น การจัดแปลงไม้ดอก/ไม้ใบ และการจัดวางวัสดุต่าง ๆ ซ้ำกัน(1 : 1 หรือ 2 : 2) จึงจำเป็นต้องใช้เนื้อที่ในการจัดมาก รูปทรงต้นไม้หรือวัตถุต่าง ๆ มีรูปทรงแบบเลขาคณิต เช่นต้นไม้ใหญ่ ไม้พุ่ม แปลงไม้ดอก/ไม้ใบ จะตัดแต่งเป็รูปทรงกลม หรือรูปทรงเหลี่ยม ส่วนวัตถุต่าง ๆ เช่นกระถางต้นไม้ โคมไฟฟ้า อ่างน้ำพุ ฯลฯ มักมีรูปทรง หรือ เหลี่ยม เช่นเดียวกัน แปลงไม้ดอกไม้ใบ จะปลูกขัดสลับลวดลาย และตัดแต่งเรียบร้อยเป็นระเบียบมีสีสีนฉูดฉาด ถนน หรือ ทางเดินภายใน บริเวณสวน มักจะเป็นเส้นตรง หรือ อาจมีโค้งบ้างแต่ได้ระดับ สวนแบบประดิษฐ์ นี้มักจะมีอาคารใหญ่ สร้างอย่างปราณีต เป็นฉากอยู่ ด้านหลัง


    สวนธรรมชาติ (informal styles)
    พื้นที่ในการจัดสวนแบบธรรมชาติจะจัดให้เป็นเนินหลั่นกัน มีพื้นที่สูง ๆ ต่ำ ๆ สลับกับที่ราบเหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ การจัดวางต้นไม้และวัตถุจะต้องเกิด ความสมดุลแบบธรรมชาติ หรือ Infomal balance นั่นเอง ชนิด รูปทรงและขนาด จำนวน และ ระยะห่าง ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหรือเท่ากัน ใช้ความชำนาญของสายตาพิจารณาน้ำหนักสีของต้นไม้หรือวัตถุทั้งสองข้าง ถ้าน้ำหนักเท่ากัน หรือใกล้เคียงกันก็ถือว่า ทั้งสองข้างนั้นสมดุลกัน (แบบธรรมชาติ) การจัดวางต้นไม้หรือวัตถุแบบจำนวนคู่ขนาน 1 : 1 หรือ 2 : 2 ฯลฯ จะไม่ปรากฏให้ได้เป็น เมื่อไม่ได้จัดวางซ้ำ ๆ กันแบบ 1 : 1 หรือ 2 : 2 ฯลฯ จึงใช้เนื้อที่ในการจัดไม่มากนัก การประดิษฐ์แบบเรขาคณิต มีความสำคัญเป็นรองการตัดแต่งหรือประดิษรูปทรง เช่น ทรงกลม หรือทรงเหลี่ยมจึงไม่ปรากฏเด่นชัด ลักษณะการจัดจะจัดให้มีแต่เค้าโครงเท่านั้น เช่นการจัดหาพันธุ์ไม้ ที่มีรูปทรงแบบเรขาคณิต ตามธรรมชาติ ที่ต้องการโดยไม่ต้อ งตัดแต่ง สระน้ำ ลำธารมีรูปร่างอิสระ (free form) เหมือนเกิดขึ้นเอง ตามธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่ ไม้พุ่ม ไม้น้ำและพืชคุมดิน (ground cover) มักมีสีสันไม่ฉุดฉาดโดยทั่วไป มักจะมีสีเขียว เป็นส่วนใหญ่ จะออกดอกเพิ่มสีสันให้สวนบ้างก็ตามฤดูกาลเท่านั้น ถนนหรือ ทางเดินภายในสวน มักจะสูง ๆ ต่ำ ๆ ตามระดับพื้นที่ของสวน และคดโค้ง ไปตามส่วนต่าง ๆ ของสวน เพื่อนำไปชม ความงามของสวนย่อม ณ จุดต่าง ๆ สิ่งก่อสร้าง ภายในบริเวณสวน จะเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ กลมกลืนไปกับสวน
    ส่วนประกอบอื่น ๆ อาทิ หน้าผา น้ำตก ลำธาร โขดหิน สระน้ำ ไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม และพืชคุมดิน จะไม่บังคับให้อยู่ในกรอบ พยายามสร้าง ความกลมกลืน อย่างอิสระทุก ๆ จุด ไม่แสดงส่วนใดส่วนหนึ่ งอย่างเด่นชัดเหมือนสวนแบบประดิษฐ์ แต่จะรวมกัน ในลักษณะของ ความกลมกลืน เหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
    ความงามของสวน เหล่านี้เกิดจาก การจัดต้นไม้และสีของพันธุ์ไม้ให้กลมกลืนกัน การปลูกต้นไม้ไม่จำเป็นต้องมากชนิด เพราะผิดไปจาก ธรรมชาติ ผู้จัดจะต้องเข้าใจความเป็นมาหรือการเกิดตามธรรมชาติ เพื่อจะได้เลียนแบบ และสร้างบรรยากาศภายใน สวนให้เหมือนธรรมชาติอย่างแท้จริง สวนแบบนี้บรรยากาศตรงกับความต้องการของมนุษย์ อาจสรุปการจัดสวนแบบธรรมชาติได้ดังนี้
    1. พื้นที่เป็นเนินสลับที่ราบ
    2. ความสมดุลแบบธรรมชาติ
    3. จำนวนคู่ขนาน 1 : 1 , 2 : 2 ไม่ปรากฏ
    4. ใช้เนื้อที่ในการจัดไม่มากนัก
    5. รูปเลขาคณิตมีความสำคัญเป็นรอง
    6. ส่วนมากมีแต่สีเขียว ไม่ฉูดฉาด
    7. ถนน/ทางเดิน สูง ๆ ต่ำ ๆ คดโค้ง8. มีบ้านหลังเล็กกลมกลืนกับสวน